
จางเหิง (张衡 ค.ศ. 78 - 139) คนสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ชาวอำเภอหนานหยาง มณฑล เหอหนานเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมในสมัยโบราณของจีน จางเหิงมีความขยันหมั่นเพียรชอบศึกษาเล่าเรียนมาตั้งแต่เด็ก พออายุได้ 17 ปีก็เริ่มออกไป ท่องเที่ยวแถวซีอานซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้าน จากนั้นก็ไปเมืองลั่วหยางและเลยเข้าศึกษาอยู่ที่ไท่เสวีย สำนัก ศึกษาขั้นสูงสุดในสมัยนั้นค้นคว้าดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ค.ศ.100 เมื่อกลับสู่บ้านเดิมแล้ว จางเหิงได้เข้าทำงานเป็นอาจารย์ให้ผู้ว่าราชการแคว้นหนาน หยาง ค.ศ.110 จางเหิงได้รับสนองพระบรมราชโองการเข้าดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์ฝ่ายวังหลวง และมหาอำมาตย์ฝ่ายดาราศาสตร์และปฏิทินตามลำดับ ท่านอยู่ในตำแหน่งหลังนี้นานถึง 14 ปี และ ได้สร้างคุณูปการไว้อย่างใหญ่หลวง วงการดาราศาสตร์ของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกมีการอธิบายเรื่องฟ้าดินไว้หลายอย่าง อย่างหนึ่งเรียกว่าทฤษฎีว่าด้วยจักรกล อธิบายว่าฟ้ากับดินนั้นเป็นรูปกลมฟ้าอยู่รอบนอก มีลักษณะ เหมือนเปลือกไข่ ดินหรือพื้นโลกนั้นอยู่ด้านใน มีลักษณะเหมือนไข่แดง จางเหิงได้สืบทอดและพัฒนา ทฤษฎีที่ว่าด้วยจักรวาลโดยผ่านการสำรวจค้นคว้าเป็นเวลาหลายปี ในบทนิพนธ์ทางดาราศาสตร์ที่สำคัญ มากเรื่อง “หลิงเซี่ยน” ท่านได้ชี้ไว้ว่า จักรวาลนั้นไม่มีที่สิ้นสุดทั้งในทางกาละและเทศะแสงของพระ จันทร์ เกิดขึ้นจากดวงอาทิตย์ ยังได้อรรถาธิบายถึงสาเหตุที่เกิดจันทรุปราคาได้อย่างถูกต้อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว ในค.ศ.117 จางเหิง ได้สร้างเครื่องเอกภพจำลองพลังน้ำขึ้นเครื่องหนึ่ง ส่วนสำคัญของเครื่องเอกภพจำลองของท่านเป็น ลูกกลมข้างในกลวงที่หล่อด้วยทองแดงบริสุทธิ์ ลูกทองแดงนี้จะหมุนไม่หยุดด้วยแรงดันของน้ำที่ไหล อยู่อย่างสม่ำเสมอ อัตราความเร็วเท่ากับการหมุนรอบตัวเองของโลก บนลูกทองแดงมีเครื่องหมายแสดง จุดที่ตั้งของกลุ่มดาวต่างๆ เท่าที่สำรวจตรวจพบ และรอบๆ ลูกทองแดงยังมีวงกลมอยู่หลายวง เป็นเครื่อง หมายแทนวงโคจรของโลก เส้นศูนย์สูตรและเส้นเมอริเดียน ผู้คนเมื่อดูลูกทองแดงนี้แล้วก็สามารถ เข้าใจถึงสภาพการโคจรของดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้าได้ ค.ศ.132 ท่านได้ประดิษฐ์เครื่องวัดแผ่นดินไหวเครื่องวัดแรกของโลกขึ้น เครื่องวัดแผ่นดินไหวนี้ ทำด้วยทองแดง รูปร่างคล้ายเหยือกเหล้าของจีนสมัยโบราณ ข้างบนมีฝานูนที่เปิดปิดได้ รอบๆ เหยือก มีมังกร 8 ตัวหล่อติดอยู่ เป็นสัญลักษณ์แห่งทิศทั้ง 8 มังกรแต่ละตัวอมลูกทองแดงไว้ในปากตัวละลูกใต้ มังกรแต่ละตัวมีคางคกนั่งเงยหน้าอ้าปากกว้างอยู่ตัวหนึ่ง กลางเหยือกด้านในมีเสาทองแดงตั้งอยู่ต้นหนึ่ง สูง 1.88 เมตร เสาทองแดงนี้ทำหน้าที่เหมือนแกนแกว่งบนเครื่องวัดแผ่นดินไหวในปัจจุบัน รอบเสา ทองแดงมีคานงัด 8 หมู่ ปลายข้างหนึ่งของคานงัดจ่อที่เสาทองแดง อีกข้างหนึ่งเป็นส่วนบนของหัวมังกร ที่อยู่นอกเหยือก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวคลื่นแผ่นดินไหวที่มาตามทิศทางของแผ่นดินไหวจะทำให้เสาทอง แดงเอียงไปตามทิศทางนั้น ดันให้คานงัดปากมังกรอ้าออก แล้วลูกทองแดงก็จะหล่นลงไปในปากคางคก ทำให้เกิดเสียงดังกังวาน จากนี้ผู้คนก็จะรู้เวลาและทิศทางที่เกิดแผ่นดินไหวได้ วันหนึ่งในค.ศ.138 เครื่องวัดแผ่นดินไหวที่ตั้งอยู่ในกรุงลั่วหยาง เกิดไหวขึ้นอย่างฉับพลัน ทอง แดงลูกหนึ่งหล่นจากปากมังกรที่อยู่ทางทิศตะวันออก ตกลงไปในปากคางคก แต่เวลานั้นคนในเมือง หลวงหารู้ไม่ว่าได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นแม้แต่น้อย จึงเกิดความสงสัยในเครื่องอุปกรณ์เครื่องนี้ แต่หลังจาก นั้นไม่กี่วัน หลงซี (ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ก็ส่งม้าเร็วมารายงานว่าเมื่อสอง สามวันก่อนได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่นั่น ทำให้ผู้คนหมดความสงสัยและมีความเลื่อมใสในเครื่องวัดแผ่น ดินไหวนี้อย่างแท้จริง
 เครื่องวัดแผ่นดินไหวจำลอง

สุสานจางเหิงที่อำเภอหนานหยางมณฑลเหอหนาน
|