หนึ่งทศวรรษคืนเกาะฮ่องกง..กับคนไทยขี้ตู่คนหนึ่ง

       ผมเขียนบทความนี้ในวันที่ 1 กรกฏาคม 2007 ซึ่งย้อนหลังไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
1 กรกฏาคม 1997 เป็นวันสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ชาติจีน เพราะสหราชอาณาจักรต้องส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากครอบครองไว้ถึง 99 ปีเต็ม อันเป็นผลจากสนธิสัญญานานกิงที่ทั้งสองชาติทำไว้ร่วมกัน หลังจีนแพ้สงครามฝิ่นต่ออังกฤษเมื่อศตวรรษที่แล้ว

       ผมยังจำภาพนั้นได้ดี ธงยูเนี่ยนแจ็คถูกปล่อยลงจากยอดเสา สวนทางกับธงแดงดาวเหลือง ที่ถูกชักขึ้นไปโบกสะบัดคู่กับธงแดงดอกขาวของเกาะฮ่องกง เป็นวินาทีที่แสนจะยิ่งใหญ่  ทว่า..คนไทยตาดำๆ มิได้รู้เลยว่าชะตากรรมของพวกตนจะเป็นเช่นไร เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน รัฐบาลไทยได้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเราก็ทราบกันดีอยู่แล้ว

       เราคนไทยคิดย้อนไปถึงปี 97 แล้วกลับต้องเศร้าใจ ในขณะที่จีนกำลังจะปลดพันธนาการเส้นสุดท้าย เพื่อความหลุดพ้นจากการครอบงำของอดีตมหาอำนาจตะวันตก ซึ่งแทบไม่หลงเหลือพลังอะไรในเวทีโลกแล้วอย่างอังกฤษ ประเทศของเรากลับกำลังเดินถอยหลังย้อนกลับเข้าไปอยู่ใต้อาณัติของไอเอ็มเอฟ องค์กรที่ขับเคลื่อนโดยมหาอำนาจปัจจุบันอย่างสหรัฐอเมริกา

      ได้เห็นหน้าตาของ หู จิ่น เทา ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบันในวันครบรอบ 10 ปีแห่งการคืนเกาะแล้ว ดูช่างอิ่มเอิบ ราศีจับเหลือเกิน ผมเองนิยมชมชอบในตัวท่านหูมาก สังเกตได้ว่าท่านโหงวเฮ้งดี ตาเรียวดั่งมังกร หน้าผากกว้าง หู จิ่น เทา เป็นคนบุคลิกดีมาก โหงวเฮ้งจัดได้ว่าชั้นยอด อุปนิสัยเยือกเย็น แต่ก็เด็ดขาด หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความโอบอ้อมอารี แต่ก็แฝงไว้ด้วยความลุ่มลึก

       หลังลงจากเวทีปราศัย ท่านหูเดินทางไปทักทายกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งของฮ่องกง โดยมีปฏิสันถารกับเธอด้วยภาษาแมนดาริน ซึ่งแม้ว่าจะพูดกันคนละภาษา เพราะคนฮ่องกงใช้ภาษากวางตุ้ง สาวน้อยคนนั้นก็สนทนากับผู้นำแห่งแผ่นดินใหญ่ได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว แม้บางประโยคจะฟังไม่ออกบ้างจนเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่เดินขนาบมากับมังกรหูต้องช่วยเป็นล่ามให้ สำหรับผมแล้ว นี่เป็นภาพที่น่าประทับใจที่สุดตลอดการถ่ายทอดสดในเช้าวันนี้เลยทีเดียว

        เมื่อเร็วๆนี้ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งรัฐไทย เพิ่งเดินทางไปจับไม้จับมือกับท่านหู ดูหน้าตาของฝ่ายไทยค่อนข้างเคร่งเครียด ไม่รู้เพราะเครียดจริงหรือเป็นธรรมชาติของเขาก็ไม่ทราบ ที่จะต้องทำหน้าแบบนั้นเวลาถ่ายรูปกับผู้นำประเทศอื่น ความมั่นใจในเวทีโลกนั้น ผู้นำแต่ละคนมีอยู่ต่างกันครับ ของแบบนี้ฝึกกันไมได้ เป็นเรื่องของใครของมัน

       จากวันนั้นถึงวันนี้ สิบปีแห่งการคืนเกาะ จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่คนไทยเชื้อสายจีนอย่างผมแอบเอามาภูมิใจได้เสมอ ในยามที่แผ่นดินเกิดของตนไม่ได้มีเรื่องราวอะไรให้ปลาบปลื้มเท่าไรนัก เลยขอขี้ตู่บ้างก็แล้วกัน

  เหมือนคนโสด เห็นแฟนเพื่อนหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก มองแล้วก็แอบแผ่มุทิตาจิตยินดีกับเขาด้วย คงไม่ผิดศีลข้อไหนใช่ไหมครับ (ฮา)