เที่ยวปักกิ่งชมจุดจบราชวงศ์หมิง
|
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช |
ช่วงนี้ผมกำลังสำราญกับรางวัลที่ได้มาจากรายการแฟนพันธุ์แท้ครับ ถ้าใครได้ดูตอนที่ผมแข่ง จะเห็นว่ามีสปอนเซอร์ใหญ่ให้รางวัลมากมาย ซึ่งตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมก็ทยอยใช้สิทธิ์และรับของไปเกือบหมดแล้ว รางวัลที่เป็นสิ่งของ ผมเก็บรักษาไว้ที่บ้านอย่างดีทุกชิ้น ถนอมรักษาสุดชีวิตครับ เพราะคุณค่ามันมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทองคำสิบกว่าบาทจากห้าเสือเยาวราช ที่ผมอัญเชิญไปไว้ที่ธนาคารเรียบร้อยแล้ว หรือของสวยงามล้ำค่าหลายสิบชิ้นมูลค่านับแสนๆบาทที่ผมอยากได้มานาน จากร้านไชน่า ซิตี้ ผู้นำเข้าสินค้าดีจากเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งหนังสือชุดหายากหลายร้อยเล่มจากสำนักพิมพ์นานมี ที่ผมลงทุนซื้อหิ้งใหม่มาวางไว้ให้สวยงามยิ่งขึ้น ส่วนรางวัลอื่นๆ เริ่มจากอาหารโต๊ะจีนชุดฮ่องเต้มูลค่า 50,000 บาท ณ ภัตตาคารมังกรหลวง ผมก็ได้พาครอบครัวไปรับประทานฉลองแชมป์เรียบร้อยแล้ว โดยมีเจ้าของร้าน เฮียธีระ ปริญญานุสรณ์ ให้เกียรติต้อนรับและเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีเยี่ยม ชนิดกินเท่าไรก็ได้ ไม่อั้น จนที่บ้านผมอิ่มหนำสำราญกันทุกคน (จริงๆอยากเชิญญาติสนิทมิตรสหายและน้องๆที่ OKLS ไปด้วยกันทั้งหมด แต่มันมีแค่ 10 ที่ เลยไปได้เฉพาะคนในครอบครัว ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆอ่ะ) “หลูเซินซิง” อาจารย์บัณฑิต โลจนาทร ผู้อำนวยการโรงเรียนภาษาและภูมิปัญญาตะวันออก กำลังชิมอาหารชุดฮ่องเต้ ณ ภัตตาคารมังกรหลวง และเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมก็ได้ไปเที่ยวปักกิ่งอีกครั้ง โดยบริษัท บิ๊กเวิลด์ ฮอลิเดย์ จำกัด เป็นเสี่ยใหญ่ใจดี พาไปทัวร์แบบฟรีๆ ผมเลยควง “เอมี่” น้องสาวสุดที่รักไปด้วยกัน ซึ่งแม้ตัวผมจะไปปักกิ่งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ถือโอกาสนี้พาน้องเที่ยว และถือโอกาสไปช้อปปิ้งหาของสะสมที่ตัวเองชอบมาวางไว้เพิ่มเติมที่บ้านด้วย ไปครั้งนี้ “คุณดา” ไกด์สาวผิวสีน้ำผึ้งที่เป็นหัวหน้าทัวร์ มากระซิบบอกผมว่า ครั้งแรกที่เธอทราบว่าต้องนำแฟนพันธุ์แท้แผ่นดินมังกรมาเที่ยวเมืองจีนนั้น เธอก็แอบกดดันเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าจะพูดอะไรมั่วๆไม่ได้ ผมเลยต้องบอกไปว่า บางเรื่องมั่วมาผมก็ไม่รู้หรอก เพราะผมก็ประเภทมั่วเก่งเหมือนกัน (ฮา) แม้ผมจะไปเยือนสถานที่สำคัญๆในเป่ยจิงมาเกือบครบแล้ว แต่ไปคราวนี้ก็ได้เก็บตกบางสถานที่ที่ไม่เคยไป เช่น พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งราชวงศ์หมิง ที่ตั้งอยู่บนทางผ่านที่จะไปกำแพงเมืองจีน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งเป็น 24 ห้อง แต่ละห้องแสดงเรื่องราวของราชวงศ์หมิงในแต่ละรัชกาล จุดที่สะเทือนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นห้องสุดท้าย อันเป็นฉากที่พระเจ้าหมิงซือจง (พระนามเดิมว่า ฉงเจิน) ซึ่งหนีกบฎชาวนาที่นำโดย “หลี่จื้อเฉิง” ไปผูกคอตายบนเขาจิ่งซานด้านหลังพระราชวังกู้กง ในวันที่ 18 เดือน 3 เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์หมิงนับแต่นั้น ทุกครั้งที่ผมอ่านหนังสือประวัติศาสตร์จีนมาจนถึงฉากนี้ จะสะเทือนใจมากๆ เพราะมันน่าเศร้าและโหดร้ายเหลือประมาณ โดยก่อนที่พระเจ้าหมิงซือจงจะผูกคอตายนั้น ด้วยความที่กลัวว่าลูกเมียจะต้องตกไปเป็นสมบัติถูกศัตรูย่ำยี จึงบังคับให้ฮองเฮาของตัวเองฆ่าตัวตาย แล้วเอาดาบมาฟาดฟันคนในครอบครัวตลอดจนนางสนมกำนัลให้สิ้นชีพไปด้วยกัน พระเจ้าหมิงซือจงทรงผูกพระศอสวรรคต (ผูกคอตาย) ณ เขาจิ่งซาน มองลงไปจะเห็นพระราชวังกู้กงทั่วบริเวณ คนสุดท้ายที่หมิงซือจงเงื้อดาบจะฟันก็คือพระธิดาองค์โปรดของพระองค์เอง ทว่าในจังหวะนั้น ลูกสาวซึ่งกลัวความตายได้ยกแขนขึ้นมาบังคมดาบของพ่อ จนโดนดาบฟันแขนขาดทันที ฝ่ายพ่อบังเกิดเกล้า เมื่อเจอภาพสะเทือนใจน่าเวทนาเช่นนั้นจึงเข่าอ่อน ไม่กล้าลงดาบสอง ต้องปล่อยให้ลูกทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ตัวเองจะไปผูกคอตายและเสด็จสู่ปรโลก แม้ราชวงศ์หมิงจะมีจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นความภาคภูมิใจของชาวฮั่นทั้งปวง แต่ก็เป็นดั่งสัจธรรมที่ไม่มีผู้ใดหนีพ้น ต้นดีอย่างไร สักวันย่อมเสื่อมสลาย ไม่มีศักดินาใดอยู่ได้ค้ำฟ้านึกถึงตรงนี้แล้วผมก็ได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าให้ครอบครัวของใครในโลกนี้ต้องเจอกับจุดจบที่โหดร้ายเช่นนี้อีกเลย !!
|