ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่าน OKLS.net เสียก่อนที่หายหน้าหายตา ไปนานเนื่องจากภารกิจมันรัดตัว แม้จะไม่ได้ทำให้เวลาหมดไปจนเขียนบท ความไม่ได้ แต่ก็ทำให้หมดอารมณ์จนไม่สามารถเขียนอะไรในสิ่งที่รักที่ชอบ ได้เลยเช่นกัน
อ้อ..อีกเรื่องหนึ่ง โปรเจ็กต์หนังสือ “ชี้ชัด..ไชน่าทาวน์” ของผม ขออนุญาตพักไว้ชั่วคราวนะครับ พอดีได้ข้อมูลใหม่เพิ่มเติมมา เลยคิดว่าควร ใช้เวลาศึกษามันอีกสักหน่อยเพื่อคุณภาพของงาน ดังนั้นช่วงนี้ผมจึงขอถอย ออกมาเขียนเรื่องราวต่างๆทั่วไปดังเดิมก็แล้วกัน
เชื่อว่าหลายท่านคงได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง “Red Cliff” หรือในชื่อไทยว่า “สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ” มาแล้ว แทบจะทุกคนที่ผมได้เสวนาด้วย ต่าง ประทับใจและชื่นชอบผลงานชิ้นเอกของ จอห์น วู เรื่องนี้กันทั้งนั้น ก็แน่สิครับ ทั้งยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้างขนาดนี้ ใครไม่ชอบก็คงแปลก
ผมเองก็ชอบ แม้จะขัดตาเอามากๆ (ถึงมากที่สุด) กับพ่อหนุ่ม ทาเคชิที่มารับบทเป็น “จูกัดเหลียง ขงเบ้ง” ทำไมน่ะหรือ? โถ่.. พี่น้องครับขงเบ้งชาติไหนหรือ มันหล่อขนาดนี้?!!
ผมพูดเช่นนี้กับสาวๆที่ไหน เป็นต้องโดนมองค้อนทุกครั้ง แต่ผมคิดว่า หล่อขนาดทาเคชิ อาจจะเหมาะกับบทจิวยี่มากกว่า (ซึ่งตามท้องเรื่องแล้ว จิวยี่ ต้องรูปหล่อ หน้าตาดีกว่าขงเบ้ง เพราะขงเบ้งนั้น โหงวเฮ้งเยี่ยม ลักษณะสง่า งามแต่ไม่ได้หล่อกระชากใจขนาดนี้)
ถามว่าภาพยนตร์สามก๊กเวอร์ชั่นนี้ สร้างตามเนื้อเรื่องของกวี “หลอกว้านจง” ที่คนทั่วโลกคุ้นเคยมากขนาดไหน ก็ต้องบอกว่า รักษาท้องเรื่องไว้ได้บ้าง ไม่ถึง กับผิดเพี้ยนไปมากนัก แม้จะดัดแปลงรายละเอียดในด้านต่างๆ พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น
1. ฉากรบบนบก ฉากมันส์ที่สุด ที่ จอห์น วู สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มสีสันความเร้าใจ ให้กับตัวหนัง แม้ในหนังสือ และในเหตุการณ์จริง จะไม่มีเรื่องราวตอนนี้ อีกทั้ง เมื่อวิเคราะห์จากสภาพภูมิประเทศแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะมีการรบบน บกเกิดขึ้นในยุทธนาวีที่ภูผาแดง เนื่องจากมีแม่น้ำแยงซีเกียงขวางกั้นฝั่งเกงจิ๋ว (ซึ่งโจโฉตั้งมั่นอยู่) และฝั่งกังตั๋ง (ของซุนกวน) อยู่ ดังนั้น เมื่อพินิจพิเคราะห์ อย่างถ้วนถี่แล้ว ไม่ปรากฏว่ามีจุดไหนที่จะเดินเท้าไปรบกันได้ (อีกทั้งชื่อก็บอกอยู่ แล้วว่าเป็น “ยุทธนาวี” แปลว่า “การรบทางน้ำ”)
เอ้า!! คิดกันง่ายๆ หากมีเส้นทางเดินทัพด้วยเท้าได้ ทัพของโจโฉ จะเสียเวลาต่อเรือมารบทำไม ในเมื่อตัวเองไม่ถนัดรบทางน้ำ ยิ่งรบยิ่ง เสียเปรียบ สู้เดินอ้อมแม่น้ำแยงซีเกียง (ซึ่งเป็นไปไม่ได้) มาบุกตรงๆ เลยไม่ดีกว่าหรือ
2. ฉาก “ขงเบ้งยั่วจิวยี่ให้รบ”ถ้าไม่นับฉาก “สงครามลิ้น” (ขงเบ้งดวลฝีปาก กับปราชญ์ฝ่ายบุ๋นของกังตั๋ง) ที่ไม่มีในหนังแล้ว ผมว่านี่คืออีกฉากที่โดนดัดแปลง ตัดทอน อย่างน่าเสียดายมากๆ
ใครเคยอ่านสามก๊ก อาจพอทราบว่า ในหนังสือฉบับหลอกว้านจง ขงเบ้งอ่าน ใจของจิวยี่ออก โดยรู้ว่าจิวยี่เป็นคนทิฐิมานะสูง หากโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมตรงๆ แน่ นอนกว่าคงจะเหนื่อย เพราะจิวยี่ไม่อยากเสียฟอร์ม โดนมองว่า “ถูกกล่อม” หรือ “หลงคารม” ขงเบ้งง่ายๆ
“มังกรหลับ” จากเขาโงลังกั๋ง จึงต้องกุเรื่อง “โจโฉหวังฟาดเสียวเกี้ยว” ขึ้นมาเพื่อยั่วแม่ทัพแซ่จิว โดยมีการด้นกลอนสดโชว์ จนนักรบนักรักแห่งกังตั๋ง ตัดสินใจรบในที่สุด
แปลกตรงที่ หนังเรื่องนี้ เอาเรื่องการหลงใหลได้ปลื้มในตัวนาง “เสี้ยวเกี้ยว” (เวอร์ชั่นนี้รับบทโดยหลินจื้อหลิง) ของโจโฉ มาเล่นแบบสุดขอบอยู่แล้ว แต่กลับไม่ ใช้ฉาก “ขงเบ้งยั่วจิวยี่ให้รบ” ในแบบฉบับเดิม (ที่สอดคล้องกับการแต่งเติม) นับว่า น่าเสียดาย กลายเป็นว่า ขงเบ้ง-จิวยี่ ตกลงใจร่วมกันที่จะรบ โดนสื่อสารผ่านเสียง พิณกู่ฉิน ไปเสียนั่น
เข้าใจว่า จอห์น วู คงอยากให้จิวยี่ ในภาคนี้ เป็น “พระเอ๊กกก พระเอก” จึงดัด แปลงบท ไม่ให้เขาเสียรู้ โดนขงเบ้งหลอกต้ม ยั่วให้รบ แต่นั่นก็ทำให้เนื้อเรื่องดีๆ ที่น่าจะแปลงมาเป็นฉากเด็ดๆ ต้องหายไปอย่างน่าเสียดาย
แหม..คุยเรื่องสามก๊กทีไร เพลินทุกที วันนี้ขอพักไว้แค่นี้ก่อน คราวหน้า จะมาชวนคุยต่อ ว่า จอห์น วู ดัดแปลงเนื้อเรื่องสามก๊กอย่างไรอีก หนัง ของเขาถึงได้ถูกใจคนทั้งโลกครับ!! |