สัมภาษณ์เหล่าซือลี่ที่ได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน

 

 

     กลับมาแล้วตามคำเรียกร้อง หลังจากคอลัมน์นี้ลงบทสัมภาษณ์เหล่าซือลี่ที่ได้ทุนไปศึกษา
ต่อที่ประเทศจีน ก็มีผู้สนใจอยากให้ลงสัมภาษณ์เหล่าซือลี่อีกครั้งหลังกลับ จากเซี่ยงไฮ้

 

 

 

OKLS : จากการที่เหล่าซือสามารถสอบ  HSK   จนกระทั่งได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน 
ณ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หลังจากที่เรียนจบกลับมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ?

เหล่าซือลี่ :
เหล่าซือรู้สึกเป็นเกียรติและประทับใจอย่างมากเลยนะเพราะไม่คิดว่าจะได้ทุนนี้

และยิ่งไปกว่านั้นก็คือไม่เสียแรงเปล่าที่เราไปสอบ HSK เพราะที่ไปสอบจริง ๆ ก็เพื่อต้องการหา
ประสบการณ์ อยากรู้ว่าเขาสอบกันอย่างไร แนวไหน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเหนือความคาดหมาย 
ตอนที่ได้ทุนยังรู้สึกแปลกใจและดีใจควบคู่กันไปว่าเราก็ทำได้นะ

OKLS : มีคนได้ทุนเดียวกับเหล่าซือเยอะมั้ยคะ   ส่วนใหญ่มาจากที่ไหน  เรียนจบอะไรมาคะ?

เหล่าซือลี่ :
เยอะเหมือนกัน   มาจากหลายที่ จากญี่ปุ่น  ฮ่องกง   นิวซีแลนด์  อเมริกา 

ส่วนใหญ่มาจากโซนยุโรปเยอะกว่า   ไม่รู้ว่าเรียนจบอะไรมาแต่มีทั้งนักศึกษาที่มาเรียนต่อ
และวัยทำงานที่มาเรียนต่อ

OKLS : ระหว่างที่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้เหล่าซือเรียนวิชาอะไรบ้างคะ   และแต่ละวันทำอะไรบ้าง?

เหล่าซือลี่ :
วิชาที่เรียนก็เหมือนในมหาวิทยาลัยทั่ว ๆ ไป   ก็เรียนภาษาจีน เรียนเกี่ยวกับการฟัง การพูด   เรียนรู้วัฒนธรรมจีน เช่น การวิเคราะห์วิจารณ์หนังหรือตัวละคร อยู่ที่นั่นใช้เวลาเรียน

ครึ่งวันเท่านั้น  ที่เหลือแล้วแต่เราจะไปพักผ่อนหรือทำอะไร แต่ต้องเข้าเรียนตรงเวลา

OKLS : บรรยากาศการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นอย่างไรบ้างคะ?

เหล่าซือลี่ :
ถ้าพูดถึงเซี่ยงไฮ้โดยทั่วไปบรรยากาศก็ค่อนข้างคึกคัก  ผู้คนเยอะ  ดูยุ่งแต่ไม่

วุ่นวายอากาศสบาย ๆ น่าอยู่  แต่เมื่อพูดถึงในส่วนของมหาวิทยาลัยแล้ว  การเรียนการสอน
ต้องบอกว่ายากทีเดียว  ด้านหนึ่งต้องแข่งขันกับผู้อื่นแต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการแข่งขันกับตนเอง
ว่าเราจะเรียนได้มากน้อยแค่ไหน คือรับได้มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง  เหล่าซือผู้สอนที่นั่นก็เข้มงวด
มากเมื่อถึงเวลาไปเรียนก็ต้องตรงต่อเวลาด้วย

OKLS : เมื่อสักครู่เหล่าซือบอกว่า “เรียนยาก” เหล่าซือมีวิธีใดหรือให้กำลังใจตัวเองอย่างไรคะ

เหล่าซือลี่ :
นี่เหละคือสิ่งที่สำคัญ เมื่อไปถึงจุดนั้นจะยอมแพ้ง่าย ๆ ก็ไม่ได้ ต้องเก็บเกี่ยวเอา

ความรู้มาให้ได้มากที่สุด  เพราะถ้าพูดไปช่วงเวลาแค่เดือนเดียว นับว่าสั้นมาก เดี๋ยวเดียวก็
ครบเดือนแล้ว ดังนั้นเมื่อเราหมั่นทำการบ้านเยอะ ๆ คือ อ่านเยอะ ฟังเยอะ พูดเยอะ ต่าง ๆ
เหล่านี้แล้ว จะไม่มีคำว่ายากสำหรับเรา  จึงบอกว่าแข่งขันกับตนเองนี่แหละสำคัญที่สุด 
ไม่มีใครให้กำลังใจเรา  เราต้องให้กำลังใจตัวเอง

OKLS : ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการเรียนมั้ยคะ  และเหล่าซือได้ไปเที่ยว
ที่ไหนมาบ้างคะ?

เหล่าซือลี่ :
 ไม่มีกิจกรรมอะไรนอกจากเรียนเพราะคอร์สสั้น ๆ ถ้าเราจะไปทัศนศึกษาหรือเที่ยว

ข้างนอกก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง  เหล่าซือก็ไปเที่ยวที่ตงฟางหมิงจู (หอไข่มุก) อยู่ที่ท่าเรือในนั้น
มีพิพิธภัณฑ์  มีอะไรให้ดูหลายอย่างแล้วก็ไปเที่ยวที่ซูโจวมา

OKLS : เหล่าซือประทับใจอะไรบ้างจากการไปเรียนในครั้งนี้คะ?

เหล่าซือลี่ :
ประทับใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่น ที่พวกเขาสามารถรักษาวัฒนธรรมความ

เป็นอยู่เอาไว้ได้เป็นอย่างดี 

    



OKLS : ฝากคำแนะนำสำหรับผู้สนใจอยากสอบ  HSK  บ้างได้ไหมคะว่ามีรายละเอียดเป็นอย่างไร

เหล่าซือลี่ :
การสอบ HSK 1 ปี มี 1 ครั้ง เหล่าซือไปสอบที่มอ. (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตภูเก็ต)  การสอบของเขาบังคับว่าผู้ที่เข้ามาทำการทดสอบต้องไม่ใช่คนจีน 

เพราะเขาเปิดโอกาสให้สำหรับคนไทยได้ไปสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน ไม่อย่างนั้นถ้าคนจีน
ไปสอบก็สอบได้กันหมด ถึงแม้ว่าเราไปทดสอบดูแต่ไม่ผ่าน ก็ให้คิดว่าเราไปสอบเพื่อหา
ประสบการณ์ เพราะประสบการณ์อย่างนี้ ถ้าผู้ไม่รู้ภาษาจีนคงไปสอบไม่ได้

OKLS : เหล่าซือคิดอย่างไรเกี่ยวกับ  “ภาษาจีน คือ ภูมิปัญญาแขนงหนึ่ง”

เหล่าซือลี่ :
ในทัศนะของเหล่าซือ ขอยกให้ภาษาจีนเป็นภาษาที่น่าสนใจมากที่สุดอีกภาษา

หนึ่ง รองจากภาษาไทยของเรานะ ก็อย่างที่เราทราบ ๆ กันว่าภาษาไทยก็พัฒนามาจากลายสือ
ไทย กว่าจะมาเป็นภาษาให้เราได้พูด  ได้เขียน-อ่าน  อย่างในปัจจุบัน ก็ต้องใช้สมองคิด 
ประดิษฐ์ ปรับปรุง  พัฒนามาเป็นร้อย ๆ ปี แต่กับภาษาจีนนี่ยิ่งกว่าเพราะภาษาจีนมีอายุ
ยาวนานกว่า 5.000 ปี เรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ว่าได้ ดังนั้นคำพูดที่ว่า “ภาษาจีน
คือ ภูมิปัญญา”  อย่างหนึ่งที่มนุษย์คิดขึ้นจึงถูกต้องทีเดียว ก็เหมือนกับสมองของเราก็คือ
คอมพิวเตอร์กายภาพในตัวมนุษย์

OKLS : สุดท้ายเหล่าซืออยากฝากอะไรกับลูกศิษย์หรือน้อง ๆ ที่สนใจอยากเรียนภาษาจีน
บ้างคะ?

เหล่าซือลี่ :
ขอให้มุ่งมั่นและตั้งใจ สิ่งสำคัญคือความกระตือรือร้น ขยัน หมั่นฟัง-พูด-อ่าน-

เขียน อย่าขี้เกียจ  เพราะนานๆ ไป ถ้าเราไม่ได้นำมาใช้มันก็จะลืมไปโดยปริยาย  จนในที่สุด
เหมือนเราเรียนแล้วไม่ได้อะไรเลย  น่าเสียดาย!


พิมพ์   อีเมล