อิคคิว ซัง ตอนที่ 1
|
แปลและเรียบเรียงโดยสุขุมาลย์ |
แนะนำ ...." อิคคิว " เป็นพระภิกษุ ผู้ที่ทำชื่อเสียงให้กับวงการศาสนาของประเทศญี่ปุ่นไว้อย่างมากมาย ในสมัยหนึ่ง...เรื่องราวของหลวงพ่ออิคคิวผู้นี้เกิดขึ้นในสมัย " มูโร มะจิ จิได " อิคคิวนั้นจริง ๆแล้วเป็น เชื้อสายของ " โกะ โคมาซึ เท็นโน " ซึ่งเป็นถึง โชกุน ผู้ครองเมือง " อิคคิว " เป็นบุตรของโชกุนผู้ครองนครผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง แต่เล็ก ๆแล้วที่อิคคิวจะเป็นที่รักใคร่และเอ็นดูของ ทุก ๆคนที่ได้พบเห็นเสมอ..เพราะเป็นเด็กที่พูดจาฉะฉาน สมองไวปราชเปรื่องในเรื่องที่ว่า..การพูดจา เอาตัวรอด เป็นยอดคนนั้นเป็นอันดับหนึ่งก็ว่าได้เลยทีเดียว..เมื่ออิคคิว อายุได้ครบ 5 ชวบ พระมารดาให้เป็นวิตก ในใจว่า ความ กระร่อนในการใช้วาจาของอิคคิวนั้นจะเป็นปัญหาในอนาคตข้างหน้า เพราะนางอยากจะให้อิคคิวเข้าเป็นขุนนางต่อ ไปในภายภาคหน้า พระมารดาจึงนำอิคคิวมาถวายให้..โอโช่ซัง(เจ้าอาวาส)..ที่วัด "อังโคกคุจิ " วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงสำ หรับพวกลูกขุนนางน้อยใหญ่ได้เข้าไปร่ำเรียนฝึกผนหาความรู้เพื่อเป็นเจ้าใหญ่นายโตในอนาคตข้างหน้า อิคคิวเมื่อ โดนพระมารดาพามาถึงที่วัดและเข้าไปถวายตัวกับโอโช่ซัง ( เจ้าอาวาส)เสร็จแล้ว ก็ออกมาทำการคำนับฝากเนื้อฝากตัวกับ เณรน้อยทั้งห้าองค์ของวัดที่มาก่อนหน้าได้ไม่นาน" ก็ขอฝากเนื้อฝากตัว กับท่านทั้งห้า ด้วยแล้วกัน " แล้วจากวันนั้นมา... อิคคิวก็เลยกลายเป็นเณรน้อยคนใหม่ของวัดอังโคกคุจิ ไปแต่....บัดนั้นมาเลยทีเดียว แล้วโมโนกาตารี (เรื่องราว) ความเป็นคนเอาตัวรอดเป็นยอดคนและคิดยอกย้อนของอิคคิวเณรน้อย ก็เริ่มขึ้น..ในรุ่งเช้า ของวันแรกที่อิคคิวมาอยู่ที่วัดเมื่อตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ อิคคิวก็ลุกออกไปหมายจะไปร่วมกับพวกเณรน้อยทั้งห้าเพื่อทำความ สะอาดระเบียงวัด...แต่เมื่อเดินมาถึงที่นั่น อิคคิวก็ต้องตกใจกับความโกลาหนของพวกเณรน้อยรุ่นพี่ ๆที่กำลังเกิดขึ้น เพราะเณรน้อยทั้งห้านั้นกำลังแย่งและพร้อมใจกันทีเดียวทั้ง ห้าองค์ซักผ้าขี้ริ้วของตนใน ถังใส่น้ำใบเล็กกระ เมื่อพวกเณรน้อยทั้งหมดหยุดฟังอิคคิวบอกวิธีการเสร็จก็ให้เป็นทึ่งในความคิดของเณรน้อยคนใหม่ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดใน จำนวนนั้นอย่างมาก " ฟังนะท่าน...คนหนึ่ง ไปตักน้ำ...อีกคนหนึ่งก็มีหน้าที่ซักผ้าขี้ริ้วอย่างเดียว แล้วที่เหลืออีกสี่คน รวมทั้งเราด้วยนั้น...ก็มีหน้าที่ถูอย่างเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็ไม่โกลาหน...แล้วยังแถมเผลอแผลบเดียวก็เสร็จแล้ว พวกท่าน ว่าจริงไหมล่ะ ? " ... แล้วเมื่อทำตามแล้ว ผลที่ได้ก็จริง ๆอย่างที่อิคคิวว่าเลย...เผลอแผลบเดียวสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้ไปทั่วทั้งวัด พวกเณรน้อยรุ่นพี่ทั้งหมดจึงให้เป็นนึกทึ่งในมันสมองของอิคคิวกันทั่วทุกองค์เลยทีเดียว คืนวันหนึ่งอิคคิวเณรน้อยโดนโอโช่ซังสั่งว่า " ไปดับเทียนที่หน้าพระประธานให้อาตมาหน่อย.." เณร น้อยอิคคิวเมื่อเดินไป ถึงที่ตรงหน้าพระประธานแล้ว ก็ใช้ลมปากเป่าเทียนทันที..เสียงดังปู๊ด..ดับเทียนให้ดับลง... แล้วเสียงตำหนิของโอโช่ซัง ก็ดัง ขึ้นมาจากทางด้านหลังของเณรน้อยอิคคิว..ทันทีนั้นเลย.." ใช้ปากเป่า เทียนเป็นบาป " " เพราะลมปากของมนุษย์นั้น เคะกา เรเตรุ คาร่า (ไม่บริสุทธ์) คราวหน้าให้ใช้มือปัดโบก ให้เทียนดับได้อย่างเดียวนะอิคคิว..จำคำของอาตมาไว้ให้ดี...ห้ามลืม เป็นอันขาด..."ลมจากปากของมนุษย์น่ะไม่บริสุทธิ์"..จำไว้ให้ขึ้นใจด้วย " ในรุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น.. ขณะที่โอโช่ซัง กับลูกศิษย์วัดกำลังนั่งเรียง กันหันหน้าเข้าหาพระประธานเพื่อทำการ สวดวันเช้ากันอยู่อย่างขมักเขม่นนั้น..อิคคิวคนเดียวที่นั่งหันหลังให้พระประธานและทำการสวดทำวัด อยู่คนเดียว...โอโช่ซังเห็นความผิดปกติของอิคคิวเข้า จึงหันมาดุอิคคิวว่า " โคเร่..อิคคิว !!! ไฉนเลยเจ้าจึงนั่งหัน หลังให้พระประธานแล้วทำ..โอเคียว(สวด)ล่ะนั่น...เป็นบาปรู้ไหม เป็นการลบหลู่พระประธานรู้ไหม ? อิคคิว!!! " อิวคิวจึงหันมาตอบโอโช่ซังว่า " ไฮ้...โอโช่ซัง..ลมปากของมนุษย์นั้น เคะกาเรเตรุ คาร่า (ไม่บริสุทธ์) ถ้าหันหน้าเข้าหาพระประธานเดี๋ยวลมหายใจไปรดพระประธานเข้าจะเป็นบาปอย่างที่โอโช่ซังสั่งสอนไว้ เมื่อ คืนวานนี้ ก็จะบาปน่ะสิ ..เลยหันหลังให้..ขอรับ" โอโช่ซังนึกทึ่งในความคิดอันยอกย้อนของอิคคิวมาก แล้วก็นึกสังหรใจขึ้นมาด้วยว่าต่อแต่นี้ไปคงจะต้องเอามือกุมขมับเพราะคงต้องเวียนหัวกับความคิด อันยอกย้อนของอิวคิวเสียแน่ ๆแล้ว..มันเริ่มขึ้นแล้วหละโอโช่ซัง..โอโช่ซังจะต้องเหนื่อยอีกนานเลยหละ...จากนี้น่ะ คืนวันหนึ่ง มีกลิ่นหอมหวาน ๆลอย..ปุน..ปุน..ส่งกลิ่นออกมาจากห้องของโอโช่ซัง กลิ่นหอมน่ะหอมหวนน่ากิน เหลือเกิน พวกเณรน้อยลูกศิษวัด จึงเดินตามกลิ่นมาถึงหน้าห้องของโอโช่ซัง แอบดูก็เห็นว่าโอโช่ซังกำลัง เอาไม้กวนโถ มิสึอาเมะ(น้ำผึ้งกวน)แล้วนั่งเลียมิสึอาเมะอยู่คนเดียว อย่างเอร็จอร่อย จึงยื่นหน้าเข้าไปในห้อง " โอ โช่ซังแบ่งมิสึอาเมะให้กับพวกเรามั่งสิ..นะ พวกเราก็อยากเลียบ้าง " โอโช่ซังสะดุ้งโหยง แล้วหันมาตอบพวกเณรว่า " โอ้..ไม่ได้หรอก !!!อันนี้ไม่ใช่ มิสึอาเมะหรอก..เป็นยาผู้ใหญ่กินจะเป็นยา แต่ ถ้าเด็ก ๆอย่างเจ้ากินเข้าไปแล้ว จะ เป็นพิษ ทำให้ถึงตายได้เลยเชียวหละ!!!! " พูดแล้วโอโช่ซังก็ลุกขึ้นมาปิดห้องแล้วเงียบหายไปเลยทั้งคืนคืนนั้น รุ้งเช้าพอโอโช่ซังออกไปทำธุระข้างนอกแล้ว..พวกเณรน้อยทั้งหลายก็ทำการเก็บกวาดปัดถูวัด ตามคำสั่งที่โอโช่ซัง กำหนดไว้ให้ก่อนที่จะออกไปทำธุระข้างนอก .... แล้วขณะที่เณรน้อยทั้งหมดกำลังทำความสะอาดกันอยู่นั้น " กะจ้าง...เพี้ยง...กะจ้าง.." โอ้ยแย่แล้ว..แย่แน่ ๆเลยหละ..เพราะจานใบสำคัญของโอโช่ซังน่ะ..พลัดตกลงมา แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆอยู่ที่พื้น..จานใบนี้เป็นจานใบสำคัญที่โอโช่ซังถนุถนอมและรักมาก.. เป็นของสำคัญที่ขนาดว่า โอโช่ซังจะนั่งปัดนั่งเช็ดของท่านทุกวันไม่ยอมให้ขี้ฝุ่นจับต้องเลยหละ.. " จ๊าก..ฮื่อๆ...แย่แล้ว..ทำไงดีหล่ะ..ฮื่อๆๆๆ " เณรน้อยคนที่ซุ้มซ่ามทำจานของโอโช่ซังพลัดตกลงมาน่ะ..นั่งหน้าซีด ร้องให้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น..โถ โถ..แล้วจะ ทำกันยังไง..ดีล่ะหือ ??????.. ทีนี้น่ะ " นี่ นี่..อย่าร้องให้เสียใจเลยนะ..โยชิ โยชิ..ลืมมันซะ..ว่าแต่ว่าเรามากินของหวาน ๆนี่กันดีกว่า..มามะ..มาเลีย มิสึอาเมะ ของโอโช่ซังกันเถอะ ..อยากกินไม่ใช่หรือ ?" " ฮื่อ ๆๆอิคคิวหละก็..นี่ไม่ใช่เรื่องตลกน่ะโอโช่ซัง กลับมาเมื่อไหร่..ฮื่อ ๆๆ แย่แน่ ๆเลย มัวแต่ใจเย็นอยู่ได้ คนเดียว...แง้ ๆๆๆๆ " " เรื่องจานแตกไม่เป็นไรหรอก..เราจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ทั้งหมดเลย..เชื่อใจเราเถอะ..มา มา มาเลียมิสึอาเมะกันเถอะ " ว่าแล้วอิคคิวก็จัดการ กวนโถมิสึอาเมะ แล้วแบ่งแจกจ่าย ให้กับพวกเณรน้อยทั้งหมด..ความอร่อยของมิสึอาเมะทำให้เณรน้อยทั้งหมดลืมเรื่องจานของโอโช่ซังเสียหมดเลยหละ.. ได้แต่พูดว่า.." ฮื่อ อร่อยน้า..ฮื่อ..อร่อยจังเลย " อิคคิวกับเณรน้อยนั่งแบ่งกันกินมิสึอาเมะอย่างสนุกสนานสำราญบาน ใจ..เพลอแพรบเดียว.. แล้วสักพักหนึ่งโอโช่ซังคงเสร็จธุระแล้ว ก็กลับมาถึงวัด..พอโอโช่ซังก้าวขาเข้ามาถึงในกุฏิก็เห็นอิคคิวนั่งร้องให้ร้องห่มอยู่ตรง ข้าง ๆจานที่ตกลงมาแตกของโอโช่ซัง....."โอ้..โอ้.. ความเก่งกาจในการใช้วาจาของอิคคิวเป็นที่กระฉ่อนลือไปทั่วทั้งเมือง..แล้ววันหนึ่งชิกุไซ้ซัง เศรษฐีประจำเมืองอยาก จะลองดีกับอิคคิวเณรน้อยจึงส่งจดหมายมาเชื้อเชิญโอโช่ซังกับอิคคิวให้มาที่ปราสาทของตน.โอโช่ซังกับอิคคิว เณรน้อยจึงออกเดินทางมาที่ปราสาทของชิกุไซ้ซังวันนั้น..ปราสาทของชิกุไซ้ซังนั้นมีคลองไหลผ่านอยู่ข้างหน้าเวลาจะ เข้าปราสาทต้องข้ามสะพานไปจึงมีสะพานพาดออกมา วันนี้ตรงหัวสะพานมีป้ายไม้ติดเอาไว้ว่า ".. สะพานอันนี้ โอโช่ซังเห็นอิคคิวเดินข้ามสะพานไปอย่างหน้าตาเฉยแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ดี จึงเดินข้ามสะพานตาม อิคคิวไปติด ๆ ส่วนทางด้านชิกุไซ้ซังนั้นเธอนั่งคอยโอโช่ซังกับอิคคิวมาตั้งแต่เช้าแล้วหละชิกุไซ้ซังนั้นเมื่อเห็น อิคคิวเดินข้ามสะพานมาอย่างหน้าตาเฉยแบบนั้น..ก็เดินออกมาแล้วพูดว่า " โคเระ..โคเระ..ท่านอิคคิว ท่านข้าม สะพานมาได้ยังไง ?? ท่านมองไม่เห็นป้ายที่เสียบบอกไว้ว่า...โคโน ฮาชิ โอะ วาตาลุ นะ..หรือไง ? ท่านอิคคิว!!! "อิคคิว ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วตอบชิกุไซ้ซังว่า " ไฮ้..ท่านชิกุไซ้ซัง เราอ่านแล้ว ๆเราก็มิได้เดินข้ามมาตรงข้างๆอย่างที่ป้ายติด บอกไว้ว่าห้ามเดินข้ามข้าง ๆ เราเดินมาตรงกลางสะพานเลยเห็นไหม ? ท่านชิกุไซ้ซัง " ( ขยายความ คำว่า ฮาชิในภาษาญี่ปุ่นแปลได้ความหลายอย่าง..ในเนื้อเรื่องคำว่าฮาชิแปลว่าสะพานกับฮาชิที่แปลว่าด้านข้าง ๆ) ชิกุไซ้ซังได้ฟังอิคคิวตอบว่าดังนั้นจึงหัวเราะและกล่าวว่า " ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ..เห็นทีว่าเราต้อง..ขอยอมแพ้ให้ท่านอิคคิว ท่านเก่งกาจสมกับคำเล่าลือเลยหละ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า " ชิกุไซ้ซัง หัวเราะร่วน น้อมคำนับโอโช่ซังแล้วผายมือเชื้อเชิญให้เข้าไปในปราสาทข้างใน..เมื่อเข้ามาถึงห้องด้านใน ที่ชิกุไซ้ซังจัดเตรียมไว้ต้อนรับแล้ว.."เชิญเลย..เชิญเลย..ท่านทั้งสองเชิญรับประทานอาหารที่เราเตรียมไว้ต้อนรับ ตามสบาย ฮึ..ฮึ..แต่มีข้อแม้นิดหนึ่งว่า..ห้ามเปิดฝาถ้วยแล้วกินน้ำซุปด้านในนะ..ฮึ ฮึ..เขิญเลยท่านอิคคิว.." อ้าว..ท่าน ชิกุไซ้ซัง ทำไมพูดแปลกอย่างนั้นเล่า..หือ ??? อิคคิวเอื้อมมือไปหยิบถ้วยซุปแล้วหัวเราะร่วนกล่าวกับชิกุไซ้ซังว่า ".. เจริญพรท่านชิกุไซ้ซัง...แต่น้ำซุปในถ้วยน่ะเย็นหมดแล้ว ช่วยเอาซุปที่ร้อน ๆเปลี่ยนให้เราหน่อย..ฮิ ฮึ..แต่มีข้อ แม้ว่า ห้ามเปิดฝาแล้วเปลี่ยนให้เราด้วยแล้วกัน.."โฮ่ ๆๆๆเป็นไงท่านชิกุไซ้ซังโดนอิคคิวยอกย้อนเข้าให้แล้วเห็นไหม ?? " อึ้ม..ไหมตะ..เราขอยอมแพ้ให้ท่านคนเดียวนะ..อิคคิว..ฮ่า ฮ่าๆๆๆ " เรื่องราวความเจ้าปัญญาของอิคคิว ซัง ยังไม่หมดเพียงแค่นี้นะครับ ตอนหน้าพบกับอิคคิว ซัง ปะทะปัญญากับ โซกุน ซามะ และเพื่อนๆ คนไหนอยากรู้ว่า
|
|